57
พ่อแม่เข้าใจความหลากหลาย : ลูกจะโตมาเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ให้เค้าได้เป็นตัวของตัวเอง

พ่อแม่เข้าใจความหลากหลาย : ลูกจะโตมาเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ให้เค้าได้เป็นตัวของตัวเอง

โพสต์เมื่อวันที่ : May 29, 2025

 

เด็กไม่ควรถูกตีกรอบด้วยเพศสภาพ การเข้าใจความหลากหลายทางเพศ คือการเปิดพื้นที่ให้ลูกได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริง และเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่หลากหลาย

 

“เด็กผู้หญิงต้องเรียบร้อย เด็กผู้ชายต้องเข้มแข็ง” คำพูดเหล่านี้แม้จะดูธรรมดา แต่แท้จริงแล้วคือการตีกรอบที่จำกัดความเป็นตัวเองของเด็ก และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตอย่างเต็มศักยภาพของเขา

 

การปล่อยให้เด็กได้เติบโตตามธรรมชาติ โดยไม่จำกัดเพศ ไม่กำหนดพฤติกรรมจากภาพจำของสังคม คือ ก้าวแรกของการสร้างสังคมที่เคารพในความแตกต่าง

 

 

● รับชมรายการ Hook Learning : เพศวิถีและความหลากหลายทางเพศ

 

 

คำที่คุ้นหู...แต่(อาจ)ไม่เคยเข้าใจลึก

  • Sex : เพศโดยกำเนิด เช่น อวัยวะเพศ โครโมโซม ฮอร์โมน
  • Gender : ความรู้สึกทางเพศที่รวมถึงมุมมอง สังคม และวัฒนธรรม
  • การแสดงออกทางเพศ : การแต่งตัว พฤติกรรม กิริยา หรือกิจกรรมที่แสดงออกถึงเพศ
  • รสนิยมทางเพศ : ความรู้สึกพึงพอใจหรือรักใคร่ในเพศใดเพศหนึ่ง

 

 

LGBTIAQN+ คือใคร ?

ความหลากหลายทางเพศไม่ได้มีแค่ชาย-หญิง แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนอีกมากมาย

  • L : Lesbian (หญิงรักหญิง)
  • G : Gay (ชายรักชาย)
  • B : Bisexual (รักทั้งสองเพศ)
  • T : Transgender / Transexual (คนข้ามเพศ)
  • I : Intersex (ภาวะเพศกำกวม)
  • A : Asexual (ไม่มีความรู้สึกทางเพศกับใคร)
  • Q : Queer (ไม่จำกัดเพศหรือรสนิยม)
  • N : Non-binary (ไม่ระบุว่าเป็นเพศใด)
  • + : Plus (กลุ่มอื่น ๆ ที่หลากหลายเกินจะจำกัดในนิยามเดิม)

 

แล้วความหลากหลายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน พบว่า ความหลากหลายทางเพศเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องของการเลี้ยงดูเพียงอย่างเดียว ปัจจัยที่มีผล เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมนในครรภ์ ยีนและโครโมโซม ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม แม้จะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนทั้งหมด แต่ข้อเท็จจริงที่สำคัญคือ ความหลากหลายทางเพศมีอยู่จริงในธรรมชาติ ทั้งในมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

 

 

สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรตระหนักเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องของความหลากหลายทางเพศในลูกหลาน

คือ การเปลี่ยนจาก “การตัดสิน” มาเป็น “การเปิดใจ” หลายครอบครัวยังเผลอมองลูกผ่านกรอบเพศที่เขาเกิดมา เช่น ถ้าลูกเป็นผู้ชายก็ต้องเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ ไม่ร้องไห้ หรือห้ามเล่นของเล่นที่สังคมมองว่า “ไม่เหมาะกับเพศชาย” เช่น ตุ๊กตา เสื้อผ้าสีชมพู หรือกิจกรรมที่อ่อนโยน ขณะที่เด็กผู้หญิงมักถูกคาดหวังให้เรียบร้อย ไม่ปีนป่าย ไม่เสียงดัง ทั้งหมดนี้คือการแปะป้ายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตและการแสดงออกทางตัวตนของลูก

 

พ่อแม่ควรเริ่มต้นด้วยการรับฟังและสังเกตลูกอย่างจริงใจ โดยไม่ใส่กรอบเพศลงไปกับพฤติกรรมของเขา ไม่ควรด่วนตีความว่าลูกต้องเป็นแบบใด เพราะเขาเล่นแบบหนึ่ง หรือพูดอีกแบบหนึ่ง แต่ควรมองลูกในฐานะ “มนุษย์คนหนึ่ง” ที่มีสิทธิ์ในการเลือกตัวตนของตัวเอง

 

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ การสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ให้ลูกได้พูดคุยหรือแสดงออกถึงตัวตนของเขาได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสิน ถูกตำหนิ หรือถูกเปลี่ยนแปลง เพราะการรับฟังโดยไม่มีอคติ สิ่งนี้แหละคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้น และทำให้ลูกกล้าเป็นตัวของตัวเองอีกด้วย

 

 

ท้ายที่สุดแล้ว พ่อแม่ควรสนับสนุนลูกให้เติบโตในแบบที่เขาเลือกเอง โดยไม่เอาความคาดหวังของสังคมหรือค่านิยมแบบเดิมมากดทับชีวิตเขา เพราะความรักที่แท้จริงไม่ควรมีเงื่อนไข แต่ควรเป็นความรักที่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นอย่างเต็มใจ ♡

 

ติดตามข่าวสารและกิจกรรม Thai PBS Kids ได้ทาง Website | Facebook | Youtube | LINE Official