169
ในวันที่ความโกรธกลายเป็นสัตวประหลาดตัวโตกว่าตัวเด็ก

ในวันที่ความโกรธกลายเป็นสัตวประหลาดตัวโตกว่าตัวเด็ก

โพสต์เมื่อวันที่ : January 18, 2025

 

“ม่ายยยยยยยย !” เด็กชายวัยอนุบาลกระทืบเท้า พร้อมคำรามเต็มเสียงจนหน้าแดงก่ำ แม้ตัวจะเล็ก แต่อารมณ์ของเขาไม่ได้เล็กตามเลย

 

“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าหมดเวลาแล้ว เก็บของเล่น ไปกินข้าวครับ” แม่พูดเตือนด้วยน้ำเสียงใจเย็น แม้จะใช้ความอดทนเฮือกสุดท้าย

 

“ไม่ไป ! ไม่กิน ! ไม่หิว ! ขอเล่นอีกแป๊บเดียวนะแม่นะ” เด็กชายเถียงกลับ ดื้อดึงสุดฤทธิ์ พร้อมทั้งต่อรองปนคำสั่ง

 

“หมดเวลาคือหมดเวลา เก็บครับ” แม่ยืนยันหนักแน่น

 

“แม่ใจร้าย !” เด็กชายปรี๊ดแตกสุดขีดจนแทบกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดแห่งความโกรธ เขาส่งเสียงคำรามลั่น พร้อมกระทืบเท้าโครมครามและโยนของเล่นกระจัดกระจาย

 

แม่เห็นท่าไม่ดี จึง (หิ้ว+อุ้ม) พาเด็กชายไปเข้ามุมสงบ แม้เด็กชายจะดิ้นสุดแรงเกิด แต่ก็แพ้พละกำลังของแม่ที่ผ่านสมรภูมิการเลี้ยงลูกมาอย่างโชกโชน ขณะนั่งสงบอยู่กับแม่ที่มุมห้อง เด็กชายเริ่มพูดพึมพำในความเงียบ

 

“จะให้ไดโนเสาร์มากินแม่ทั้งตัวเลย เพราะแม่ใจร้าย” แม่ได้ยินทุกคำ แต่ไม่โต้ตอบ เพราะรู้ดีว่าเด็กชายกำลังโกรธสุดขีด และพยายามยั่วโมโหเธอ สักพัก เด็กชายเริ่มพูดดังขึ้นอีกนิด

 

“คอยดูนะ ! จะแอบไปเอากุญแจรถพ่อ แล้วขับออกไปเองเลย จะไปฮาเบอร์แลนด์ ไม่บอกใครทั้งนั้น !” แม่ยังคงนั่งเงียบ อยู่ข้าง ๆ เขา

 

 

● บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกให้โกรธเป็น และจัดการอารมณ์ตัวเองได้

 

 

หลังผ่านไปหลายสิบนาที ก่อนที่เด็กชายจะสงบลง เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ขนาดแมวร้องยังมีคนกอด ตัวผมเองน่าสงสาร ไม่มีใครรักเลย...” แม่ได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“อยากให้แม่กอดไหม ?” เด็กชายพยักหน้า แม่จึงดึงเขาเข้ามากอดแน่น เด็กชายสงบลงในที่สุด

 

ก่อนจะปล่อยเด็กชายออกจากมุมสงบ แม่ย้ำเตือนเรื่องที่เขาทำผิด และบอกให้เขาขอโทษ พร้อมพาไปเก็บของเล่นก่อนจะไปกินข้าว

 

แม่: “แม่รู้ว่าลูกอยากเล่นต่อ แต่เราตกลงกันไว้แล้วว่าหมดเวลาต้องเก็บ จริงไหมครับ ?”

เด็กชาย: “แต่แม่ไม่เตือนก่อนเลยวันนี้...”

แม่: “แม่เตือนแล้วครับ แต่ลูกไม่ฟังแม่เลย แล้วคราวหน้าต้องทำยังไงดี ?”

เด็กชาย: “ให้แม่เตือนอีก...”

แม่: “งั้นคราวหน้าแม่จะเตือนก่อนหมดเวลา 5 นาที แล้วตั้งเวลาเอาไว้ พอนาฬิกาดังหมดเวลา เราต้องเก็บของ ตกลงไหมครับ ?”

เด็กชาย: “ครับ”

 

 

● บทความที่เกี่ยวข้อง : “ลูกโกรธแล้วตีคนอื่น” รับมืออย่างไร ?

 

 

แม่: “แต่วันนี้เราหัวเสีย แล้วทำลายข้าวของ โยนของเล่นทิ้ง แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ ถ้าโกรธ เราต้องคุยกันดี ๆ ไม่ทำร้ายกัน และไม่ทำลายของ จำได้ไหม ?”

เด็กชาย: “ครับ”

แม่: “แล้วถ้าทำผิด เราควรทำยังไง ?”

เด็กชาย: “ขอโทษครับ”

แม่: “ขอโทษเรื่องอะไรครับ ?”

เด็กชาย: “ขอโทษที่โยนของครับ...”

แม่: “ดีมาก แล้วเราต้องเก็บของที่เราโยนไปด้วยนะครับ”

เด็กชาย: “ครับ”

แม่: “ขอบคุณครับที่เข้าใจ ครั้งหน้าถ้าไม่พอใจหรือโกรธ คุยกันดี ๆ นะครับ”

เด็กชาย: “ครับ... แม่หายโกรธหรือยัง ?”

แม่: “แม่ไม่โกรธลูกหรอก มากอดกันมา”

 

 

ความโกรธกลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวโตกว่าเด็ก ๆ พวกเขาจึงระบายออกด้วยจินตนาการเกินจริง

 

บ่อยครั้ง เด็กวัย 3 - 5 ปี มีแนวโน้มจะสร้างโลกแห่งจินตนาการขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน เพื่อช่วยให้พวกเขาได้แสดงออกอย่างเต็มที่ ดังนั้น เวลาที่เด็กโกรธหรือไม่พอใจ พวกเขาอาจใช้จินตนาการเพื่อระบายอารมณ์ เช่น เด็กชายที่จินตนาการว่าจะให้ไดโนเสาร์มากินแม่ หรือคิดว่าจะขับรถของพ่อหนีไปฮาเบอร์แลนด์

 

แม้จินตนาการจะไม่เกิดขึ้นจริง แต่ก็ช่วยให้เด็กได้ระบายความโกรธออกไป บางครั้ง จินตนาการของเด็กอาจดูรุนแรงหรือเกินจริงไปมาก ขอให้ผู้ใหญ่ไม่ตกใจหรือโกรธเด็ก แต่ควรรับฟังและไม่โต้ตอบทันที เมื่อเด็กค่อย ๆ สงบลงแล้ว ให้พูดคุยกับเขาด้วยเหตุผล และสอนเขาว่า เราสามารถโกรธได้ แต่ต้องไม่ทำร้ายกัน ไม่ทำร้ายตัวเอง และไม่ทำลายข้าวของ ที่สำคัญ ผู้ใหญ่ไม่ต้องกังวล เพราะจินตนาการเหล่านี้จะค่อย ๆ คลี่คลายลงเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเอง

 

 

● บทความที่เกี่ยวข้อง : รับมือความโกรธด้วยความรัก

 

 

“โอบกอดสัตว์ประหลาดแห่งความโกรธ ด้วยการเป็นพื้นที่ปลอดภัย”

พ่อแม่ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นบ้านที่อบอุ่น จะช่วยให้เด็ก ๆ กล้าพูดความจริงและยอมรับผิดได้ง่ายขึ้น พ่อแม่ที่มอบความรัก รับฟัง สอน และให้อภัย คือผู้ที่ยอมรับลูกอย่างที่เขาเป็น ทำให้เด็กกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกกับเรา

 

บางครั้ง เมื่อเด็กทำผิดพลาด พวกเขาอาจกลัวว่า “พ่อแม่จะโกรธและผิดหวังในตัวเขา” แต่หากพ่อแม่ “ให้อภัยในสิ่งที่เด็กทำผิดพลาด” และ “สอนว่าสิ่งที่ควรทำคืออะไร” แทนการลงโทษที่รุนแรง เด็ก ๆ จะไม่หวาดกลัวการยอมรับผิด และจะเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

 

 

สุดท้าย ในวันที่เด็ก ๆ กลายร่างเป็นภูเขาไฟ ขอให้เรา ใจเย็นพอ เราจะช่วยดับภูเขาไฟลูกนั้นได้ แต่หากเราไม่ไหว และตัวเรากำลังจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดแห่งความโกรธอีกคน ขออย่าระเบิดใส่กัน ให้ขอเวลานอก ระบายความโกรธของตัวเองก่อน แล้วค่อยกลับมาเคียงข้างกันใหม่ หากยังไม่มีตัวช่วย ไม่ต้องรีบสอนลูกตอนนั้น ถ้าลูกยังเล็ก ให้เพียงแค่นั่งอยู่ข้าง ๆ งดโต้ตอบ ถ้าลูกโต ขอแยกกันก่อน พักสงบในมุมของตัวเอง แล้วค่อยกลับมาพูดคุยกันเมื่อพร้อม

 

ติดตามข่าวสารและกิจกรรม Thai PBS Kids ได้ทาง Website | Facebook | Youtube | LINE Official

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง