253
ก้าวผ่านวัยผ้าอ้อมสู่การฝึกนั่งกระโถน

ก้าวผ่านวัยผ้าอ้อมสู่การฝึกนั่งกระโถน

โพสต์เมื่อวันที่ : January 2, 2022

เด็ก ๆ หลายคนอาจจะรู้สึกกลัว และกังวล ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้อาจจะขัดแย้งกับธรรมชาติของวัยพวกเขา ดังนั้นการที่ผู้ใหญ่ไม่ตำหนิเด็ก ๆ ในช่วงแรกที่พวกเขากำลังเรียนรู้การเข้าห้องน้ำ เป็นสิ่งสำคัญมาก หากเราเผลอตำหนิไป เด็ก ๆ ที่มีความกังวลอยู่แต่เดิมแล้ว อาจจะทำให้พวกเขากังวลมากขึ้นไปอีก แล้วอาจจะทำให้พวกเขาไม่อยากเลิกผ้าอ้อม การฝึกนั่งกระโถนควรทำด้วยความพร้อมของทั้งพ่อแม่และลูกด้วย เพื่อให้เด็ก ๆ ทำด้วยความมั่นใจ

เคล็ด(ไม่)ลับฝึกลูกนั่งกระโถนด้วย 5 ขั้นตอน

 

ขั้นตอนที่ 1 ทำความคุ้นเคยกับกระโถน

เมื่อเด็ก ๆ ไม่รู้ว่า “กระโถน” คืออะไร พวกเขาอาจจะรู้สึกกลัวและกังวลได้ พ่อแม่และผู้ใหญ่สามารถนำกระโถนมาเล่นบทบาทสมมติกับเหล่าตุ๊กตาของลูก ให้สมมติว่าตุ๊กตานั่งกระโถนเพื่อฉี่หรืออึให้เด็ก ๆ ได้ดู เด็ก ๆ จะรู้สึกสนุกและผ่อนคลายมากขึ้น

 

ขั้นตอนที่ 2 สอนเด็ก ๆ บอกปวดฉี่ ปวดอึ

แม้ว่าเด็ก ๆ จะยังใส่ผ้าอ้อมอยู่ แต่พ่อแม่และผู้ใหญ่สามารถสอนให้เด็ก ๆ บอก “ปวดฉี่” และ "ปวดอึ” เมื่อเด็ก ๆ สามารถการบอก “ปวดฉี่” และ “ปวดอึ” ก่อนการขับถ่ายจริง ๆ ได้ พวกเขาจะสามารถพัฒนาไปสู่รับรู้สัญญาณต่าง ๆ ที่ร่างกายกำลังบอกกำพวกเขาว่า “ฉันกำลังปวดอึอยู่นะ” หรือ “ฉันกำลังปวดฉี่นะ”

 

เมื่อเด็ก ๆ คุ้นเคยกับการบอก "ปวดฉี่” และ “ปวดอึ” ก่อนที่จะขับถ่ายจริง ๆ และสามารถกลั้นไว้ได้บ้าง เด็ก ๆ จึงจะพร้อมสำหรับการฝึกนั่งกระโถน เมื่อเด็ก ๆ สามารถบอก “ปวดฉี่” หรือ “ปวดอึ” ได้ อย่าลืมชมเชยพวกเขาด้วย

 

ขั้นตอนที่ 3 ทำความคุ้นเคยกับตารางเวลา

พ่อแม่และผู้ใหญ่สามารถพาเด็ก ๆ ไปนั่งที่กระโถนตามเวลาที่เรากำหนดไว้ได้ เช่น ตอนเช้าหลังตื่นนอน ก่อนเข้านอน หรือทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงระหว่างวัน หากเด็ก ๆ ไม่ได้ขับถ่ายออกมา ก็ให้เขานั่งอยู่ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้เด็กเกิดความคุ้นเคย ระหว่างที่เด็ก ๆ นั่งอยู่ เราสามารถให้พวกเขาดูหรืออ่านหนังสือนิทานไปด้วยก็ได้

 

ขั้นตอนที่ 4 ลองใส่กางเกงในช่วงระหว่างวัน

เมื่อเด็ก ๆ สามารถขับถ่ายในผ้าอ้อมน้อยลง บอกปวดฉี่และปวดอึได้ และนั่งกระโถนได้บ้างแล้ว พ่อแม่สามารถลองให้เขาใส่กางเกงในระหว่างวัน เพื่อให้เขารับรู้ได้ดีข้ึน เช่น เมื่อกางเกงในเฉอะแฉะ เด็ก ๆ จะได้รับรู้ว่า “เขาได้ขับถ่ายออกมา” และ “ได้เวลาเปลี่ยนกางเกงในแล้ว"

 

ขั้นตอนที่ 5 ไม่กดดันหรือเร่งลูก

ไม่มีความจำเป็นต้องกดดันหรือรีบเร่งแต่อย่างใด เมื่อเด็ก ๆ พร้อมเขาจะสามารถทำได้ด้วยตัวเขาเอง ถ้าเด็ก ๆ สามารถทำได้แล้ว อย่าลืมชมเชยพวกเขาที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยตนเอง เมื่อวันนั้นมาถึง พวกเขาจะสามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นเติบโตขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งของบันไดชีวิต

 

สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรตระหนักอยู่เสมอ คือ “เด็กมีความแตกต่างกัน” ดังนั้น เด็กบางคนฝึกไม่นานก็สามารถทำได้ เด็กบางคนต้องใช้เวลา เราไม่ควรเร่งรัดเด็ก ๆ ให้เขาต้องทำได้ทันที แต่ควรฝึกฝนไปเรื่อย ๆ จนพวกเขาสามารถทำได้ในวันที่พร้อม