
Digital Citizenship : 8 ทักษะพลเมืองดิจิทัล พลังสำคัญที่เด็กไทยยุคใหม่ต้องมี
ในยุคที่โลกเสมือนและโลกจริงผสานกัน เด็กไทยต้องมี 8 ทักษะพลเมืองดิจิทัล
ตามทฤษฎีพัฒนาการทางจิตสังคม (Psychosocial Development) ของ อีริก อีริกสัน กล่าวว่า ในเด็กวัย 1 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี หากพ่อแม่ให้อิสระในการใช้ร่างกายเพื่อช่วยเหลือตัวเองและสำรวจโลก เด็กจะพัฒนาความเป็นตัวของตัวเองและการพึ่งพาตนเอง ในทางกลับกัน หากพ่อแม่ควบคุมหรือตำหนิมากเกินไป เด็กจะขาดความรู้สึกว่าตนเองสามารถเป็นผู้ควบคุมตนเองได้ และเกิดความสงสัยในความสามารถของตนเอง
ภารกิจที่สำคัญของพ่อแม่และผู้ใหญ่ของเด็กวัยนี้ คือ “การสอนเด็กช่วยเหลือตัวเองตามวัย (Self-care) เพื่อให้เขาได้ฝึกทำอะไรด้วยตนเอง”
ได้แก่ การกิน การล้างหน้าแปรงฟัน การอาบน้ำ การถอด-ใส่เสื้อผ้า การถอด-ใส่รองเท้า การเก็บของเล่น และการเข้าห้องน้ำ ทั้งนี้เราไม่ได้คาดหวังว่า เด็กเล็กต้องทำทุกอย่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเราไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์ แต่เราคาดหวังให้เขาเรียนรู้การลงมือทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเขาเอง และเมื่อทำเสร็จพ่อแม่และผู้ใหญ่มีหน้าที่ดูแลตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง โดยอาจจะทำย้ำให้ในครั้งที่สอง เช่น...
เมื่อลูกทำได้ด้วยตนเอง อย่าลืมชื่นชมทุกก้าวเล็ก ๆ ของลูก เพราะทุกกำลังใจจากพ่อแม่มีความหมายสำหรับเขาเสมอ สิ่งสำคัญอีกประการของพ่อแม่ที่มีลูกวัยนี้ คือ “ความอดทนรอคอย” หากเราเข้าไปช่วยเหลือลูกเร็วเกินไป เด็กจะขาดโอกาสในการฝึกฝนการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และทำให้เขาเลือกที่จะไม่ทำสิ่งนั้น เพราะเขารู้ว่า “พ่อแม่พร้อมจะทำให้เขา” และเด็กจะรับรู้ว่า “พ่อแม่ไม่มีความอดทนเพียงพอที่จะรอเขา”
ในบทความนี้ขออนุญาตยกตัวอย่างการช่วยเหลือตัวเอง ได้แก่ การกินข้าวเอง และการแต่งตัวเอง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคุณพ่อคุณแม่เพื่อนำไปปรับใช้ในการสอนเด็ก ๆ ช่วยเหลือตัวเองในด้านอื่น ๆ ต่อไป
◆ 1. “การกินข้าวเอง” ◆
ทักษะการช่วยเหลือตัวเองแรก ๆ ในชีวิตของเด็ก ๆ คือ “การกินข้าว” ด้วยตัวเอง แม้จะยังใช้อุปกรณ์ไม่เป็น แต่เด็ก ๆ สามารถใช้สายตามองอาหาร และใช้มือของเขาจับอาหาร ป้อนเข้าปากตัวเองได้ตั้งแต่วัยประมาณ 9 เดือน ระยะเวลาในการกินสำหรับเด็ก ๆ ต่อมื้อ คือ 30 นาที
เมื่อเด็กๆ เคยชินกับการหยิบ จับอาหาร และมือของเขาทำงานประสานกับตา (Eye-hand coordination) แล้ว เด็กๆ จะสามารถมองอาหารที่ต้องการ แล้วใช้ช้อน-ส้อม ตัก-จิ้มอาหารเข้าปากตัวเองได้ในพัฒนาการขั้นต่อมา
เมื่อเด็กๆ กินข้าวเอง พวกเขาได้พัฒนาเพียงทักษะการช่วยเหลือตัวเอง แต่เด็ก ๆ พัฒนาการรับรู้ถึงความสามารถในตัวเองอีกด้วย ซึ่งนำไปสู่ความั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต
◆2. "การถอด-ใส่เสื้อผ้า" ◆
ตามพัฒนาการของเด็กแล้ว เด็กอายุ 2-3 ปี สามารถฝึกถอด-ใส่เสื้อผ้า แบบลักษณะเสื้อผ้าที่ง่ายที่สุดในการฝึกให้เด็ก ๆ สามารถไล่ระดับจากง่ายไปยาก คือ
การถอดเสื้อผ้า จึงเป็นขั้นแรกที่ง่ายที่สุด เพราะเด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องคิดว่า ต้องถอดจากด้านหน้า-หลังก่อน เหมือนตอนใส่ ขอแค่ถอดออกมาได้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อพวกเขาถอดได้คล่องแล้ว การฝึกใส่เสื้อผ้าจะเป็นขั้นต่อมาที่เขาสามารถเรียนรู้และฝึกฝนไปพร้อมกับการถอดได้
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น
เด็กทุกคนต้องการโอกาสในการจะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเขาเอง เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะและการช่วยเหลือตัวเอง ในครั้งแรก ๆ เด็ก ๆ อาจจะทำไม่ได้หรือทำได้ไม่สมบูรณ์ พ่อแม่ไม่ควรผลีผลามเข้าไปช่วยเหลือ แต่เราควรให้เวลาเด็กได้ทำด้วยตัวเองสัก 5 นาที
ถ้าเขาทำได้สำเร็จ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตัวของเด็กๆ คือ "ความภาคภูมิใจ" และ "ความมั่นใจในตัวเอง" ครั้งหน้าถ้าเขาเจอสถานการณ์เช่นนี้อีก เขาจะมั่นใจมากขึ้นว่า เขาจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าหากเลย 5 นาทีไปแล้วเด็ก ๆ ยังทำไม่ได้ หรือ เมื่อเด็ก ๆ พยายามจนถึงที่สุดแล้ว พวกเขาไม่สามารถทำได้ พ่อแม่จึงควรเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ในที่นี้ คือ สอนเขาทำและแก้ปัญหานั้น
การเปิดโอกาสให้ลูกได้ช่วยเหลือตัวเอง และทำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำได้ด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เด็ก ๆ จะเกิดเป็นความชำนาญในทักษะดังกล่าว ในขณะเดียวกันพวกความมั่นใจในตัวของเขาก็ค่อยๆ เติบโตไปพร้อมกับทักษะที่เกิดขึ้นด้วย ทักษะพื้นฐานผนวกกับการรับรู้ถึงศักยภาพภายในตัวเองสามารถแผ่ขยายไปสู่การเรียนรู้และลองทำสิ่งใหม่ ๆ ต่อไป
อ้างอิง : Department of Health, Ministry of Public Health. (2018). Parenting Guidelines Promote Development and Learning of Children Under 3 Years Old. Nontaburi: Ministry of Public Health.