
ทำไมเด็กบางคนถึงชอบพูดโอ้อวดหรือพูดข่มเพื่อน
เด็กที่ไปพูดข่มคนอื่นหรือมักจะโอ้อวดเกี่ยวกับตนเอง เป็นเด็กที่น่าเห็นใจ
▶︎ การเล่น "การเรียนรู้ของเด็กเล็ก" เท่ากับ “การเล่น" และ “การเล่น" เท่ากับ "การเรียนรู้” เมื่อไหร่ที่เด็กเล่น เขาได้เรียนรู้ นอกจากนี้การเล่นยังเป็นการเตรียมร่างกาย (กล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่) ให้พร้อมสำหรับการใช้งานในการเรียนรู้ขั้นต่อไป ได้แก่ การควบคุมร่างกายตนเอง ซึ่งนำไปสู่การมีสมาธิที่เพียงพอต่อการจดจ่อเพื่อเรียนรู้เนื้อหาต่าง ๆ การเขียน และการอ่าน
เมื่อถึงวัยที่ต้องเริ่มเรียนรู้เนื้อหาต่าง ๆ และสถานที่ให้เขาปล่อยพลังอย่างเหมาะสมได้หรือไม่ ในเด็กเล็กจึงไม่ควรนั่งเรียนในห้องเรียน แต่เขาควรออกไปวิ่งเล่นและเรียนรู้
▶︎ การอ่าน พ่อแม่อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง และใช้เวลากับการอ่านหนังสือกับลูกในทุก ๆ วัน สม่ำเสมอ การรักการอ่าน ได้สอนเด็ก ๆ ให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และแสวงหาความรู้ได้อย่างไม่รู้จบ
▶︎ การตั้งคำถามในสิ่งสงสัย "การสังเกตธรรมชาติและสิ่งรอบตัว" พ่อแม่ชี้ชวนให้ลูกสังเกตสิ่งรอบตัวเสมอ แม้จะอยู่บ้านเราก็สามารถสังเกตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตหลายอย่างได้
"ความสงสัยใคร่รู้" เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับนิสัยการเป็นนักเรียนรู้โดยธรรมชาติ พวกเขาสงสัยอยากรู้อยากเห็นในทุก ๆ เรื่อง แต่ด้วยบริบททางสังคมหรือความคาดหวังของผู้ใหญ่บางประการที่ทำให้ความอยากเรียนรู้นั้นค่อย ๆ หายไป ถ้าเราไม่ชอบเด็กที่ตั้งคำถามหรืออยากรู้อยากเห็นในเวลาที่ไม่เหมาะสม เราควรสอนเรื่องกาลเทศะให้กับเขา แต่ไม่ใช่ห้ามเขาสงสัย
▶︎ ผู้ใหญ่รอบตัวเด็กต้องเป็นแบบอย่างในเรื่องของการรักการเรียนรู้ให้กับเขา ผู้ใหญ่ต้องจัดสรรเวลาคุณภาพให้กับเด็ก ๆ เสมอ
▶︎ การเรียนรู้ควรไม่สิ้นสุดแค่เรียนจบ การเรียนรู้ไม่ควรถูกนำมาผูกมัดกับผลคะแนนใด ๆ เด็กควรเรียนรู้ เพราะเขาอยากรู้ ไม่ใช่เพราะเขาอยากได้คะแนนเต็ม ความยั่งยืนที่เกิดขึ้นกับเด็กที่อยากรู้ คือ เขาจะเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด
คำถาม “แล้วจะทำอย่างไรดีเพื่อจะวัดได้ว่า เด็กเข้าใจหรือรู้เรื่องนี้จริง ๆ”
คำตอบ "เราสามารถประเมินเด็กได้ โดยไม่ใช้การสอบหรือการให้คะแนน เช่น ใช้การทำกิจกรรมประเมิน,ใช้การทำโครงงาน (Project based learning) มีการประเมินหลายวิธีที่ไม่ต้องใช้การสอบวัดผล
ทั้งนี้สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกในโรงเรียนที่ใช้การสอบวัดผล ไม่ต้องวิตกไป เพียงแค่เราให้การสนับสนุนลูกในสิ่งที่เขาสนใจ และให้เขาเรียนรู้ตามวัยของเขา เด็กจะไม่วิตกกังวลถึงผลสอบหรือการวัดผลนั้นจนเกินไป เพราะสำหรับเด็ก ๆ แล้ว เขาสนใจเพียงแค่สายตาของพ่อแม่ที่มองเขา มากกว่าสายตาคนอื่น
ดังนั้นช่วยลูกได้ในงานที่เกินวัยลูก อย่าให้ความสำคัญกับคะแนนสอบลูกมากกว่าวันนี้ลูกเราได้เรียนรู้อะไร และเรียนรู้อย่างมีความสุขไหม ก็เพียงพอแล้ว เกณฑ์สำหรับเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) เน้น “เล่นให้มากพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ อ่านนิทานให้เขาฟัง ทำงานบ้าน และช่วยเหลือตัวเองเป็น” เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นผู้ใหญ่ควรสร้างเด็กที่รักการเรียนรู้ ก่อนเด็กที่สอบได้คะแนนดี และควรให้เด็กได้ลงมือทำ นำไปใช้จริง มากกว่าเรียนไปเพื่อใช้วัดผลเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อเด็กเข้าใจและรักการเรียนรู้แล้วนั้น เขาจะอยากเรียนรู้ และจะเรียนรู้ได้ตลอดไป