155
เล่นกับลูก ดูลูกเล่น เห็นอนาคต

เล่นกับลูก ดูลูกเล่น เห็นอนาคต

โพสต์เมื่อวันที่ : September 9, 2020

ผมเข้าใจนะว่า การร่วมวงลงมือเล่นอะไรกับลูกนี่ มักจะไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ บอกตรง ๆ ครับว่า มีหลายครั้งที่ผมเองถึงขั้นนั่งสัปหงกต่อหน้าลูกเลยทีเดียว แต่ผมก็ยังยืนยันและยินดีที่จะเล่นกับลูกนะ ถึงแม้มันจะน่าเบื่อหรือชวนง่วงสักแค่ไหนก็ตาม

 

ด้วยเหตุผลที่ว่า เราจะสามารถเห็นความคิด นิสัย รวมถึงพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกได้ จากการคลุกวงในเล่นกับลูกนี่แหละ อยากจะบอกอีกครับว่า ถึงแม้จะพาลูกไปเล่นกับเพื่อน ๆ ก็อย่ามัวแต่นั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือ หรือจับกลุ่มคุยกันเองระหว่างพ่อแม่นะ เพราะจะพลาดโอกาสที่จะได้สังเกตเห็นทักษะการเข้าสังคม พฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกในขณะที่อยู่กับเพื่อน เช่น เห็นการแก้ปัญหา การสื่อสารความต้องการ มีพฤติกรรมก้าวร้าว เล่นแรง แกล้งเพื่อน รู้จักรอหรือไม่ ซึ่งจะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าควรจะเร่งพัฒนาทักษะส่วนไหนของลูก เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมได้อย่างมีความสุข

 

คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ครับว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ เค้าก็เริ่มมีการแบ่งชนชั้นทางสังคมกันแล้ว ซึ่งผมเองก็ได้สังเกตเห็นหลังจากที่พาลูกไปเข้า Play Group จริงๆ ว่า เด็กบางคนมีความโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ สามารถเข้ากับกลุ่มเพื่อน ๆ ได้เร็ว เป็นผู้นำในการเล่น โดยที่ในวัยขนาดนี้ คงต้องมีทักษะเหล่านี้ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแน่ ๆ ในขณะเดียวกันที่เด็กบางคนอาจต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อย หรือบางคนอาจต้องการการช่วยเหลือผลักดันอย่างจริงจังก็มี

 

ซึ่งทักษะการเข้าสังคมนี้ ถือเป็น Soft Skills อย่างหนึ่งที่สามารถเสริมหรือช่วยทดแทนความสามารถทาง Hard Skills ที่ไม่ค่อยจะโดดเด่นได้ ทักษะ Soft Skills นี้ไม่ได้มีผลกับมนุษย์เท่านั้นนะครับ ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ว่า หากคุณเข้าไปในร้านเพื่อเลือกซื้อน้องหมาสักตัว ตัวที่มีท่าทีเป็นมิตร กระดิกหางดึ๊กดิ๊กเข้ามาทักทายคุณอย่างอารมณ์ดี ย่อมมีโอกาสที่จะถูกพากลับบ้านมากกว่าตัวที่นอนหงอยอยู่ที่มุมกรง หรือตัวที่ก้าวร้าวเห่าหอนอยู่ตลอดเวลาจริงไหมครับ

 

สำหรับมนุษย์เด็ก ๆ ก็เหมือนกัน คนที่ยิ้มเก่งช่างเจรจา รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะเข้ากลุ่มกับเพื่อนใหม่ได้ จะมีโอกาสที่จะเป็นที่ยอมรับในสังคมของเด็กๆ ได้สูงกว่า เมื่อไปโรงเรียนก็มีโอกาสที่จะได้รับความเอ็นดูหรือเป็นที่รักจากคุณครูมากกว่าเข่นกัน และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ “การเข้ากับคนอื่นได้” “ทำงานเป็นทีมได้ดี” “มีทักษะในการสื่อสาร” จะเป็นคุณสมบัติสำคัญที่บริษัทต่างๆ มองหาในการคัดเลือกบุคลากรที่จะเข้าร่วมงาน และทักษะเหล่านี้แหละ ที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมถึงชีวิตส่วนตัวได้เร็วขึ้นด้วย

 

ผมเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่เองก็คงจะมีเพื่อนที่สมัยเด็กๆ ไม่เห็นจะเรียนแก่งตรงไหน อาจจะเคยสอบตกครองตำแหน่งรั้งท้ายในห้องเป็นประจำ แต่พอโตขึ้นกลับมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตมีลูกน้องหลายสิบคน เผลอๆ คนที่เรียนเก่งๆ ก็เป็นลูกน้องในบริษัทเสียด้วยใช่ไหมครับ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่สามารถช่วยยืนยันว่า “ทักษะทางสังคมดี มีความสำคัญกว่าการเรียนเก่ง” เป็นไหน ๆ

 

เดี๋ยวจะหาว่ามาไซโคกันแล้วก็จากไป ไม่บอกกล่าววิธีการอะไรกันบ้าง ตามตำราบอกไว้ว่า วิธีฝึกทักษะทางสังคมให้กับลูกตั้งแต่วัยก่อนขวบปีแรกง่าย ๆ เลยก็คือ การเล่นจ๊ะเอ๋ และการทำสีหน้าต่างๆ นั่นเองครับ เพราะการทำให้ลูกหัวเราะ และการเล่นบทบาทสมมุติเมื่อลูกโตขึ้นอีกหน่อย เป็นการเล่นที่เป็นเหมือนการฝึกการสนทนาโต้ตอบ การซ้อมทำความเข้าใจกับความคิดความรู้สึกของคนอื่น และยังทำให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นอีกด้วยครับ

 

อย่าลืมนะครับว่า เจ้าทักษะเหล่านี้สามารถพัฒนากันได้ตั้งแต่วัยแบเบาะ อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่สามารถข่วยพัฒนา ผลักดันให้ลูกมีทักษะพวกนี้ได้ ดังนั้นอย่าพลาดโอกาสที่จะได้สังเกตเห็นและสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูก จากการเข้าคลุกวงในเลยนะครับ