อย. เตือนระวังอันตรายขนมแปลกใหม่ ขายใกล้โรงเรียน
แนะผู้ปกครองและเด็กแนะนำอ่านฉลากดูเลข อย.ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย
เป็นธรรมดาของพ่อแม่ที่ต้องออกคำสั่งกับลูก คนเป็นพ่อแม่ต้องสามารถสั่งลูกได้นะคะ เมื่อ “สั่ง” แล้ว ลูกก็ควรทำตามค่ะ
บางครั้ง คำสั่งของเราก็มาพร้อมกับคำอธิบาย แต่บ่อยครั้งเลยค่ะ ที่จะเป็นคำสั้นๆ ไม่มีคำอธิบาย แต่ขอให้มีความชัดเจนว่าพ่อแม่ต้องการอะไร เพื่อให้สมองน้อยๆของลูกประมวลผลได้ง่าย และทำตามได้
หมอพบว่า พ่อแม่หลายคนไม่กล้าใช้คำสั่งเลย เพราะเข้าใจว่า การสั่งลูกจะเป็นการปิดกั้นความคิดลูก ซึ่งหมอคิดว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกนิดเดียวค่ะ ตราบใดที่เราไม่ได้เลี้ยงลูกแบบเผด็จการ (Authoritarian parenting) ไม่ต้องกลัวประเด็นนี้เลย
เรารู้กันดีแล้วว่า การเลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตย (Authoritative parenting) มีการเปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็น รับฟังลูก มีเวลาคุณภาพกับลูกและต้องมีกติการวมทั้งต้องทำให้เกิดขึ้นจริง (high warm and high demand) จริงๆก็เหมือนการเลี้ยงลูกเชิงบวกที่หมอเขียนทุกวัน และในการเลี้ยง แบบ Authoritative parenting พ่อแม่ต้องมีการสั่งลูก และต้องสามารถสั่งลูกได้ค่ะ ดังนั้น มาเรียนรู้วิธีการออกคำสั่งที่ได้ผลกัน
เช่น แทนที่จะใช้คำถาม ...“ลูกอยากจะทำการบ้านหรือยัง”... ใช้ประโยคบอกเล่าและพูดให้ตรงไปเลยว่า ...“นั่งลงลูกรัก”...
แทนที่จะตะโกนจากหลังบ้าน พ่อแม่ควรเดินเข้าถึงตัวลูกเพื่อออกคำสั่ง และสำหรับเด็กที่ไม่ค่อยฟัง หมอแนะนำให้สบตาลูกและให้ลูกทวนคำสั่งหลังจากฟังจบแล้ว ตามนี้ ...“เมื่อกี้แม่บอกให้ทำอะไร”...
แทนที่จะบอกว่า ...“ไปทำ... ไปทำได้แล้ว”... ระบุคำสั่งให้ชัด ..."เริ่มอ่านหนังสือได้แล้วลูกรัก”...
ถ้าลูกเป็นเด็กเล็ก พ่อแม่ต้องใช้คำสั่งที่แน่ใจว่าลูกเข้าใจ ...“เก็บหนังสือเข้าชั้นนี้นะลูก”... พร้อมชี้ไปที่ชั้นหนังสือ
ถ้าเป็นเด็กโต พ่อแม่ก็ต้องใช้คำสั่งที่เหมาะกับอายุเช่นกัน อย่าใช้คำสั่งแบบเด็กเล็กตลอดไป เพราะลูกจะติดใจความเป็นเด็ก ซึ่งไม่ดีแน่ถ้าโตแล้ว แต่ทำตัวแบบเด็ก ตัวอย่างคำสั่งที่โตขึ้น ...“แยกเก็บหนังสือ ให้อยู่ในหมวดเดียวกันนะลูก”...
ในเด็กที่ไม่ค่อยสนใจฟัง หรือสมาธิน้อย แนะนำให้เด็กรับเพียง 1 คำสั่ง ทำสำเร็จแล้ว ค่อยสั่งคำสั่งต่อไป เช่น แทนที่จะสั่งเป็นชุดแบบนี้ ...“เปิดตู้เย็นแล้วหยิบเนยที่อยู่ในกล่องสีฟ้า ตอนเดินกลับมา แวะเอาผ้าเช็ดโต๊ะที่ตากไว้ให้ด้วย แต่ดูก่อนนะว่าแห้งหรือยัง ถ้ายังไม่แห้งก็เอาผืนที่อยู่ในตู้แทน”... เด็กจะไม่สามารถทำตามได้หมด และครั้งต่อไปจะต่อต้านหรือหูทวนลมมากขึ้น
เปลี่ยนเป็นออกทีละคำสั่ง ...“เปิดตู้เย็นแล้วหยิบเนยที่อยู่ในกล่องสีฟ้าให้แม่ด้วย ขอบคุณค่ะ”... เมื่อเด็กทำสำเร็จแล้ว ค่อยบอกให้เด็กช่วยในคำสั่งถัดไปค่ะ
การอธิบายเหตุผลเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยให้เด็กเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ต้องระวังว่า เหตุผลที่ยาวไปจะทำให้ลูกไม่สามารถโฟกัสคำสั่ง เช่น แทนที่จะบอกว่า ...“ใส่เสื้อหนาวไปด้วยนะลูก ที่โรงพยาบาลอากาศเย็นมาก เวลาลูกโดนอากาศเย็น ภูมิแพ้จะกำเริบเดี๋ยวจะไม่สบาย จำวันก่อนได้มั้ย สุดท้ายก็ต้องหาหมอ”...
ให้เปลี่ยนเป็น ..."ที่โรงพยาบาลอากาศเย็น ภูมิแพ้กำเริบง่าย ใส่เสื้อหนาวไปด้วยนะลูก”...
หลังจากพ่อแม่ออกคำสั่งแล้ว ให้รอเวลาซัก10 วินาที เพราะลูกต้องใช้เวลาคิดทบทวนสิ่งที่ฟังมา พ่อแม่อย่าพึ่งสั่งซ้ำนะคะ ที่จริงแล้ว ในช่วงที่พ่อแม่ยืนรอลูกคิดอยู่ ก็ถือเป็นการฝึกลูกรู้จัก “ฟังอย่างมีสติ” ซึ่งดีกว่าฟังคำสั่งซ้ำๆ อาจทำให้ลูกต่อต้าน หรือทำตามสั่งแบบผิดๆถูกๆเพราะไม่ได้ตั้งใจฟัง
สุดท้ายนะคะ อย่าใช้แต่คำสั่งในการเลี้ยงลูก เพราะลูกไม่ใช่หุ่นยนต์ เด็กมีสมองที่ต้องฝึกคิด ฝึกตัดสินใจ พ่อแม่จึงต้องมั่นใจด้วยว่าเรามีเวทีที่จะคุยกับลูก รับฟังลูก ให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาของเขาในชีวิตประจำวัน เช่น ถามความเห็นลูกเกี่ยวกับการจัดเวลาเพื่อทำการบ้านให้ทัน ถามวิธีแก้ปัญหาถ้าลูกไม่ชอบให้แม่สั่ง แล้วลองวิธีการของลูกดูค่ะ เมื่อไม่ได้ผลก็สามารถกลับมาคุยกันอีกครั้ง เพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่าสิ่งที่คิดไปแล้ว ไม่ได้ตามหวังเสมอ แต่ลูกสามารถคิดใหม่ได้
การเลี้ยงลูกเชิงบวก หรือ Authoritative parenting พ่อแม่ต้องมีอำนาจสั่งลูก เป็นพ่อแม่คนต้องสั่งลูกนะคะ เพราะลูกต้องการเข็มทิศนำทาง จากคนที่รักและเคารพ ขอเพียง ออกคำสั่งให้เป็นค่ะ และอย่าลืมขอบคุณที่ลูกช่วย หรือชื่นชมที่ลูกเชื่อฟังด้วยนะคะ
...“เป็นพ่อแม่ต้องมีอำนาจในการสั่งลูก เพราะลูกต้องการเข็มทิศนำทางจากที่คนรักและเคารพ ขอเพียงพ่อแม่ต้องออกคำสั่งให้เป็น”...